หน้าแรก บทความ

กู้ร่วมซื้อบ้านคืออะไร? : กู้ร่วมยังไงให้ผ่านให้ผ่าน

กู้ร่วมซื้อบ้านคืออะไร? : กู้ร่วมยังไงให้ผ่านให้ผ่าน

การกู้ร่วมซื้อบ้าน คืออะไร? วิธีการกู้ร่วมให้ผ่าน ฉบับง่ายๆ ที่คุณไม่ควรพลาด พร้อมกับข้อควรระวัง และเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อการกู้ร่วมบ้าน

โพสต์เมื่อ : วันอังคาร ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

กู้ร่วมซื้อบ้านคืออะไร? : กู้ร่วมยังไงให้ผ่านให้ผ่าน

การกู้ร่วมซื้อบ้าน คืออะไร?

การกู้ร่วมซื้อบ้าน คือการที่มีผู้กู้มากกว่าหนึ่งคนมาร่วมกันยื่นขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยผู้กู้ทั้งหมดจะต้องมีความรับผิดชอบต่อการชำระหนี้สินเชื่อดังกล่าวเท่ากัน นั่นหมายความว่า หากมีปัญหาในการชำระหนี้ ธนาคารสามารถเรียกเก็บจากผู้กู้ร่วมทุกคนได้

การกู้ร่วมเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการขอสินเชื่อบ้านคนเดียว เช่น คู่สมรส, ญาติพี่น้อง หรือแม้กระทั่งเพื่อน โดยการรวมรายได้ของทุกคนเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น

การกู้ร่วมซื้อบ้านไม่ได้หมายความว่า ทุกคนที่ร่วมกู้ต้องเป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน การแบ่งส่วนของเจ้าของบ้านขึ้นอยู่กับข้อตกลงของผู้กู้ร่วมทุกคน ซึ่งสามารถทำสัญญาแยกกันได้ เช่น สามีภรรยาที่ร่วมกู้ แต่บ้านอาจจะจดทะเบียนในชื่อของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

การกู้ร่วม แก้ปัญหากู้คนเดียวไม่ผ่านจริงมั้ย

การกู้ร่วมช่วยแก้ปัญหาการกู้คนเดียวไม่ผ่านได้จริง เนื่องจากการกู้ร่วมทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้รวมของผู้กู้ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าหากรายได้ของคนหนึ่งไม่เพียงพอ การมีผู้กู้ร่วมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อบ้าน

เช่น หากคุณมีรายได้ไม่เพียงพอในการกู้บ้าน แต่คุณมีคู่สมรสที่มีรายได้พอสมควร การกู้ร่วมกับคู่สมรสจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้ผ่าน อีกทั้งยังสามารถแบ่งภาระการชำระหนี้ระหว่างกันได้ด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม การกู้ร่วมก็มีความเสี่ยงเช่นกัน หากผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ ผู้กู้ร่วมคนอื่นๆ จะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเครดิตของทุกคนในกรณีที่เกิดปัญหาในการชำระหนี้

ผู้กู้ร่วมเป็นใครได้บ้าง

ผู้กู้ร่วมสามารถเป็นได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดเพียงแค่คู่สมรสเท่านั้น แต่สามารถเป็นญาติพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทที่มีความไว้ใจและพร้อมที่จะร่วมกันรับผิดชอบในการชำระหนี้สินเชื่อบ้าน

ตัวอย่างของผู้กู้ร่วมที่เป็นที่นิยม ได้แก่

  1. คู่สมรส: เป็นผู้กู้ร่วมที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากคู่สมรสมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและพร้อมที่จะร่วมกันสร้างบ้าน
  2. พี่น้อง: การกู้ร่วมกับพี่น้องสามารถทำได้ หากมีความไว้ใจและมีข้อตกลงที่ชัดเจนเกี่ยวกับการชำระหนี้
  3. เพื่อนสนิท: แม้จะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่การกู้ร่วมกับเพื่อนสนิทก็เป็นไปได้ หากมีความเชื่อมั่นและข้อตกลงที่ชัดเจน
  4. บิดามารดา: การกู้ร่วมกับบิดามารดาเพื่อช่วยสนับสนุนการกู้ซื้อบ้านสำหรับบุตรหรือเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ในการกู้

การเลือกผู้กู้ร่วมควรพิจารณาจากความเชื่อมั่นและความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละคน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

คุณสมบัติของผู้กู้ร่วม

การเป็นผู้กู้ร่วมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตามที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนด โดยทั่วไป คุณสมบัติของผู้กู้ร่วมมีดังนี้

  1. มีรายได้ประจำ: ผู้กู้ร่วมควรมีรายได้ประจำและมีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองรายได้
  2. มีเครดิตดี: ผู้กู้ร่วมควรมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยมีประวัติการชำระหนี้ที่ล่าช้าหรือการผิดนัดชำระหนี้
  3. ไม่มีภาระหนี้สินสูง: ผู้กู้ร่วมควรไม่มีภาระหนี้สินสูงเกินไป เพื่อให้ธนาคารพิจารณาว่าผู้กู้ร่วมมีความสามารถในการชำระหนี้สินเชื่อบ้าน
  4. มีอายุครบตามที่ธนาคารกำหนด: โดยทั่วไป ธนาคารจะกำหนดอายุของผู้กู้ร่วมให้อยู่ระหว่าง 20-60 ปี เพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้จนหมดอายุของสินเชื่อ
  5. มีถิ่นที่อยู่ชัดเจน: ผู้กู้ร่วมควรมีถิ่นที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้สะดวก และมีเอกสารที่สามารถยืนยันได้ เช่น บัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้าน

การมีคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้การกู้ร่วมได้รับการพิจารณาและอนุมัติได้ง่ายขึ้น

ข้อควรระวังในการกู้ร่วมซื้อบ้าน

การกู้ร่วมซื้อบ้านมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรพิจารณาเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

  1. การแบ่งภาระหนี้สิน: ควรมีการตกลงกันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการแบ่งภาระหนี้สิน เช่น ใครจะชำระหนี้มากน้อยเพียงใด และควรมีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร
  2. ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้: หากผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งผิดนัดชำระหนี้ ผู้กู้ร่วมคนอื่นๆ จะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเครดิตของทุกคน
  3. การแยกกันอยู่: หากผู้กู้ร่วมแยกกันอยู่ เช่น คู่สมรสที่หย่าร้าง ควรมีการตกลงกันเกี่ยวกับการชำระหนี้และการแบ่งทรัพย์สินให้ชัดเจน
  4. การจัดการเรื่องกฎหมาย: ควรมีการทำสัญญาอย่างชัดเจนและเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  5. ความเสี่ยงในการเป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน: การกู้ร่วมไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน ควรมีการตกลงกันเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของบ้านให้ชัดเจน

เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อใช้สำหรับการกู้ร่วม

การกู้ร่วมซื้อบ้านจำเป็นต้องเตรียมเอกสารหลายรายการ เพื่อให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไป เอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้

  1. บัตรประชาชน: สำเนาบัตรประชาชนของผู้กู้ร่วมทุกคน
  2. ทะเบียนบ้าน: สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้ร่วมทุกคน
  3. หนังสือรับรองการทำงาน: สำหรับผู้กู้ร่วมที่มีงานประจำ ควรมีหนังสือรับรองการทำงานหรือสลิปเงินเดือน
  4. หนังสือรับรองรายได้: สำหรับผู้กู้ร่วมที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ควรมีหนังสือรับรองรายได้หรือหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ
  5. บัญชีธนาคาร: สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน เพื่อแสดงการเคลื่อนไหวของเงินและความสามารถในการชำระหนี้
  6. เอกสารอื่นๆ: อาจมีเอกสารเพิ่มเติมที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินต้องการ เช่น เอกสารการแสดงทรัพย์สินหรือหนังสือยืนยันจากผู้ค้ำประกัน

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การกู้ร่วมซื้อบ้านได้รับการพิจารณาและอนุมัติได้รวดเร็วขึ้น

ข้อดีและข้อเสียของการกู้ร่วม

ข้อดี

  1. เพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ: การรวมรายได้ของผู้กู้ร่วมช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อ
  2. แบ่งเบาภาระหนี้สิน: การกู้ร่วมช่วยให้สามารถแบ่งภาระหนี้สินระหว่างกันได้
  3. สร้างเครดิตร่วมกัน: การกู้ร่วมช่วยสร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดีร่วมกัน

ข้อเสีย

  1. ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้: หากผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งผิดนัดชำระหนี้ ผู้กู้ร่วมคนอื่นๆ จะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ทั้งหมด
  2. ความซับซ้อนในการแบ่งทรัพย์สิน: การกู้ร่วมอาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการแบ่งทรัพย์สินหากเกิดปัญหาในอนาคต
  3. ความเสี่ยงในการเลือกผู้กู้ร่วม: การเลือกผู้กู้ร่วมที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาในการชำระหนี้ในอนาคต

การกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อและแบ่งเบาภาระหนี้สิน แต่ก็มีข้อควรระวังและความเสี่ยงที่ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้การกู้ร่วมเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาในอนาคต