การกู้ร่วมซื้อบ้าน คืออะไร?
การกู้ร่วมซื้อบ้าน คือการที่มีผู้กู้มากกว่าหนึ่งคนมาร่วมกันยื่นขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยผู้กู้ทั้งหมดจะต้องมีความรับผิดชอบต่อการชำระหนี้สินเชื่อดังกล่าวเท่ากัน นั่นหมายความว่า หากมีปัญหาในการชำระหนี้ ธนาคารสามารถเรียกเก็บจากผู้กู้ร่วมทุกคนได้
การกู้ร่วมเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการขอสินเชื่อบ้านคนเดียว เช่น คู่สมรส, ญาติพี่น้อง หรือแม้กระทั่งเพื่อน โดยการรวมรายได้ของทุกคนเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น
การกู้ร่วมซื้อบ้านไม่ได้หมายความว่า ทุกคนที่ร่วมกู้ต้องเป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน การแบ่งส่วนของเจ้าของบ้านขึ้นอยู่กับข้อตกลงของผู้กู้ร่วมทุกคน ซึ่งสามารถทำสัญญาแยกกันได้ เช่น สามีภรรยาที่ร่วมกู้ แต่บ้านอาจจะจดทะเบียนในชื่อของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
การกู้ร่วม แก้ปัญหากู้คนเดียวไม่ผ่านจริงมั้ย
การกู้ร่วมช่วยแก้ปัญหาการกู้คนเดียวไม่ผ่านได้จริง เนื่องจากการกู้ร่วมทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้รวมของผู้กู้ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าหากรายได้ของคนหนึ่งไม่เพียงพอ การมีผู้กู้ร่วมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อบ้าน
เช่น หากคุณมีรายได้ไม่เพียงพอในการกู้บ้าน แต่คุณมีคู่สมรสที่มีรายได้พอสมควร การกู้ร่วมกับคู่สมรสจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้ผ่าน อีกทั้งยังสามารถแบ่งภาระการชำระหนี้ระหว่างกันได้ด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม การกู้ร่วมก็มีความเสี่ยงเช่นกัน หากผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ ผู้กู้ร่วมคนอื่นๆ จะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเครดิตของทุกคนในกรณีที่เกิดปัญหาในการชำระหนี้
ผู้กู้ร่วมเป็นใครได้บ้าง
ผู้กู้ร่วมสามารถเป็นได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดเพียงแค่คู่สมรสเท่านั้น แต่สามารถเป็นญาติพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทที่มีความไว้ใจและพร้อมที่จะร่วมกันรับผิดชอบในการชำระหนี้สินเชื่อบ้าน
ตัวอย่างของผู้กู้ร่วมที่เป็นที่นิยม ได้แก่
- คู่สมรส: เป็นผู้กู้ร่วมที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากคู่สมรสมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและพร้อมที่จะร่วมกันสร้างบ้าน
- พี่น้อง: การกู้ร่วมกับพี่น้องสามารถทำได้ หากมีความไว้ใจและมีข้อตกลงที่ชัดเจนเกี่ยวกับการชำระหนี้
- เพื่อนสนิท: แม้จะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่การกู้ร่วมกับเพื่อนสนิทก็เป็นไปได้ หากมีความเชื่อมั่นและข้อตกลงที่ชัดเจน
- บิดามารดา: การกู้ร่วมกับบิดามารดาเพื่อช่วยสนับสนุนการกู้ซื้อบ้านสำหรับบุตรหรือเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ในการกู้
การเลือกผู้กู้ร่วมควรพิจารณาจากความเชื่อมั่นและความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละคน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
คุณสมบัติของผู้กู้ร่วม
การเป็นผู้กู้ร่วมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตามที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนด โดยทั่วไป คุณสมบัติของผู้กู้ร่วมมีดังนี้
- มีรายได้ประจำ: ผู้กู้ร่วมควรมีรายได้ประจำและมีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองรายได้
- มีเครดิตดี: ผู้กู้ร่วมควรมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยมีประวัติการชำระหนี้ที่ล่าช้าหรือการผิดนัดชำระหนี้
- ไม่มีภาระหนี้สินสูง: ผู้กู้ร่วมควรไม่มีภาระหนี้สินสูงเกินไป เพื่อให้ธนาคารพิจารณาว่าผู้กู้ร่วมมีความสามารถในการชำระหนี้สินเชื่อบ้าน
- มีอายุครบตามที่ธนาคารกำหนด: โดยทั่วไป ธนาคารจะกำหนดอายุของผู้กู้ร่วมให้อยู่ระหว่าง 20-60 ปี เพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้จนหมดอายุของสินเชื่อ
- มีถิ่นที่อยู่ชัดเจน: ผู้กู้ร่วมควรมีถิ่นที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้สะดวก และมีเอกสารที่สามารถยืนยันได้ เช่น บัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้าน
การมีคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้การกู้ร่วมได้รับการพิจารณาและอนุมัติได้ง่ายขึ้น
ข้อควรระวังในการกู้ร่วมซื้อบ้าน
การกู้ร่วมซื้อบ้านมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรพิจารณาเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- การแบ่งภาระหนี้สิน: ควรมีการตกลงกันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการแบ่งภาระหนี้สิน เช่น ใครจะชำระหนี้มากน้อยเพียงใด และควรมีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร
- ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้: หากผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งผิดนัดชำระหนี้ ผู้กู้ร่วมคนอื่นๆ จะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเครดิตของทุกคน
- การแยกกันอยู่: หากผู้กู้ร่วมแยกกันอยู่ เช่น คู่สมรสที่หย่าร้าง ควรมีการตกลงกันเกี่ยวกับการชำระหนี้และการแบ่งทรัพย์สินให้ชัดเจน
- การจัดการเรื่องกฎหมาย: ควรมีการทำสัญญาอย่างชัดเจนและเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- ความเสี่ยงในการเป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน: การกู้ร่วมไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน ควรมีการตกลงกันเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของบ้านให้ชัดเจน
เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อใช้สำหรับการกู้ร่วม
การกู้ร่วมซื้อบ้านจำเป็นต้องเตรียมเอกสารหลายรายการ เพื่อให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไป เอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- บัตรประชาชน: สำเนาบัตรประชาชนของผู้กู้ร่วมทุกคน
- ทะเบียนบ้าน: สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้ร่วมทุกคน
- หนังสือรับรองการทำงาน: สำหรับผู้กู้ร่วมที่มีงานประจำ ควรมีหนังสือรับรองการทำงานหรือสลิปเงินเดือน
- หนังสือรับรองรายได้: สำหรับผู้กู้ร่วมที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ควรมีหนังสือรับรองรายได้หรือหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ
- บัญชีธนาคาร: สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน เพื่อแสดงการเคลื่อนไหวของเงินและความสามารถในการชำระหนี้
- เอกสารอื่นๆ: อาจมีเอกสารเพิ่มเติมที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินต้องการ เช่น เอกสารการแสดงทรัพย์สินหรือหนังสือยืนยันจากผู้ค้ำประกัน
การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การกู้ร่วมซื้อบ้านได้รับการพิจารณาและอนุมัติได้รวดเร็วขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของการกู้ร่วม
ข้อดี
- เพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ: การรวมรายได้ของผู้กู้ร่วมช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อ
- แบ่งเบาภาระหนี้สิน: การกู้ร่วมช่วยให้สามารถแบ่งภาระหนี้สินระหว่างกันได้
- สร้างเครดิตร่วมกัน: การกู้ร่วมช่วยสร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดีร่วมกัน
ข้อเสีย
- ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้: หากผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งผิดนัดชำระหนี้ ผู้กู้ร่วมคนอื่นๆ จะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ทั้งหมด
- ความซับซ้อนในการแบ่งทรัพย์สิน: การกู้ร่วมอาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการแบ่งทรัพย์สินหากเกิดปัญหาในอนาคต
- ความเสี่ยงในการเลือกผู้กู้ร่วม: การเลือกผู้กู้ร่วมที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาในการชำระหนี้ในอนาคต
การกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อและแบ่งเบาภาระหนี้สิน แต่ก็มีข้อควรระวังและความเสี่ยงที่ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้การกู้ร่วมเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาในอนาคต